WebsiteGang Blog

เขียนบทความฟรี ประชาสัมพันธ์ฟรี ข่าวสารโปรโมชั่นฟรี เพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา หรือทำ  SEO 

คำแนะนำ : การทำเพจของคุณให้น่าติดตามน่าสนใจ ควรใส่ภาพประกอบ

จำเลยไม่ได้สวมหมวกนิรภัยตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่เพิ่งสวมหมวกนิรภัยก่อนเกิดเหตุย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนา ปิดบังใบหน้าอันเป็นการทำ เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ในขณะก่อเหตุชิงทรัพย์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2568ในการชิงทรัพย์จำเลยสวมหมวกนิรภัย ทั้งเมื่อพิจารณาภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุปรากฏว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก โดยจำเลยมิได้สวมหมวกนิรภัย แต่ช่วงเวลาที่จำเลยก่อเหตุชิงทรัพย์คดีนี้แล้วหลบหนีไป จำเลยสวมหมวกนิรภัย หากจำเลยมีเจตนาที่จะป้องกันภยันตรายจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยเคร่งครัด ไม่มีเจตนาที่จะปิดบังอำพรางใบหน้าในการกระทำความผิดแล้ว จำเลยย่อมต้องสวมหมวกนิรภัยมาตั้งแต่ขณะขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก การที่จำเลยเพิ่งสวมหมวกนิรภัยก่อนเกิดเหตุเพียงเล็กน้อย ย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่า จำเลยมีเจตนาสวมหมวกนิรภัยเพื่อปิดบังใบหน้าอันเป็นการทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ในขณะก่อเหตุชิงทรัพย์ หาใช่เป็นการสวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนน อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกตามที่จำเลยฎีกาไม่ เมื่อขณะก่อเหตุชิงทรัพย์ จำเลยปิดบังใบหน้าด้วยหมวกนิรภัย อันเป็นการทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม จึงเป็นการชิงทรัพย์ที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 335 (5) วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 340 ตรี ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

จำเลยไม่ได้สวมหมวกนิรภัยตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่เพิ่งสวมหมวกนิรภัยก่อนเกิดเหตุย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนา ปิดบังใบหน้าอันเป็นการทำ เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ในขณะก่อเหตุชิงทรัพย์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2568ในการชิงทรัพย์จำเลยสวมหมวกนิรภัย ทั้งเมื่อพิจารณาภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุปรากฏว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก โดยจำเลยมิได้สวมหมวกนิรภัย แต่ช่วงเวลาที่จำเลยก่อเหตุชิงทรัพย์คดีนี้แล้วหลบหนีไป จำเลยสวมหมวกนิรภัย หากจำเลยมีเจตนาที่จะป้องกันภยันตรายจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยเคร่งครัด ไม่มีเจตนาที่จะปิดบังอำพรางใบหน้าในการกระทำความผิดแล้ว จำเลยย่อมต้องสวมหมวกนิรภัยมาตั้งแต่ขณะขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก การที่จำเลยเพิ่งสวมหมวกนิรภัยก่อนเกิดเหตุเพียงเล็กน้อย ย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่า จำเลยมีเจตนาสวมหมวกนิรภัยเพื่อปิดบังใบหน้าอันเป็นการทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ในขณะก่อเหตุชิงทรัพย์ หาใช่เป็นการสวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนน อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกตามที่จำเลยฎีกาไม่ เมื่อขณะก่อเหตุชิงทรัพย์ จำเลยปิดบังใบหน้าด้วยหมวกนิรภัย อันเป็นการทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม จึงเป็นการชิงทรัพย์ที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 335 (5) วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 340 ตรี ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

จำเลยไม่ได้สวมหมวกนิรภัยตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่เพิ่งสวมหมวกนิรภัยก่อนเกิดเหตุย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนา...

read more
ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ผู้สืบสันดานกระทำต่อบุพการีโดยใช้ยานพาหนะ เป็นความผิดอันยอมความได้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2568ความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดที่ระบุไว้ใน ป.อ. มาตรา 71 วรรคสอง บัญญัติว่า ความผิดดังกล่าวถ้าเป็นการกระทำที่ผู้สืบสันดานกระทำต่อผู้บุพการี แม้กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 336 ทวิ มาด้วย แต่มาตรา 336 ทวิ เป็นบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดอาญา มาตรา 335 ต้องระวางโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง หาใช่เป็นความผิดอีกบทหนึ่งต่างหากจากบทมาตราดังกล่าวไม่ การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จึงเข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 71 วรรคสอง แล้ว เมื่อผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ในส่วนข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะสำหรับจำเลยที่ 1 แล้ว สิทธิการนำคดีอาญาในความผิดฐานดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นอันระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) และการที่ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ย่อมเป็นผลให้คำขอในส่วนแพ่งสำหรับความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะที่โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย 950 บาท ตกไปด้วย แม้จำเลยที่ 1 มิได้หยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ผู้สืบสันดานกระทำต่อบุพการีโดยใช้ยานพาหนะ เป็นความผิดอันยอมความได้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2568ความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดที่ระบุไว้ใน ป.อ. มาตรา 71 วรรคสอง บัญญัติว่า ความผิดดังกล่าวถ้าเป็นการกระทำที่ผู้สืบสันดานกระทำต่อผู้บุพการี แม้กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 336 ทวิ มาด้วย แต่มาตรา 336 ทวิ เป็นบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดอาญา มาตรา 335 ต้องระวางโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง หาใช่เป็นความผิดอีกบทหนึ่งต่างหากจากบทมาตราดังกล่าวไม่ การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จึงเข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 71 วรรคสอง แล้ว เมื่อผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ในส่วนข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะสำหรับจำเลยที่ 1 แล้ว สิทธิการนำคดีอาญาในความผิดฐานดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นอันระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) และการที่ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ย่อมเป็นผลให้คำขอในส่วนแพ่งสำหรับความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะที่โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย 950 บาท ตกไปด้วย แม้จำเลยที่ 1 มิได้หยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ผู้สืบสันดานกระทำต่อบุพการีโดยใช้ยานพาหนะ เป็นความผิดอันยอมความได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2568...

read more
การมอบเงินให้บุคคลอื่นปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดผิดกฎหมายและไม่สามารถเรียกร้องให้คืนเงินคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6901/2567การที่โจทก์มอบเงินให้จำเลยนำไปปล่อยให้บุคคลภายนอกกู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยตกเป็นโมฆะ การที่โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นการชำระหนี้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 411 โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวได้ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การมอบเงินให้บุคคลอื่นปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดผิดกฎหมายและไม่สามารถเรียกร้องให้คืนเงินคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6901/2567การที่โจทก์มอบเงินให้จำเลยนำไปปล่อยให้บุคคลภายนอกกู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยตกเป็นโมฆะ การที่โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นการชำระหนี้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 411 โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวได้ทนายโทนี่ ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์

การมอบเงินให้บุคคลอื่นปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ผิดกฎหมายและไม่สามารถเรียกร้องให้คืนเงิน...

read more
เคล็ดลับการเลือกบริษัทรับจ้างขนของกรุงเทพ ให้ปลอดภัยและไม่โดนโกง

เคล็ดลับการเลือกบริษัทรับจ้างขนของกรุงเทพ ให้ปลอดภัยและไม่โดนโกง

บริการรถเทรลเลอร์กรุงเทพ ขนส่งของขนาดใหญ่ มืออาชีพ ตรงเวลา ในปัจจุบันที่การขนส่งมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจทุกขนาด...

read more
ลดค่าไฟโรงงานหลักล้าน อย่างมีประสิทธิภาพด้วยโซลาร์เซลล์ จาก SOLAR WING

ลดค่าไฟโรงงานหลักล้าน อย่างมีประสิทธิภาพด้วยโซลาร์เซลล์ จาก SOLAR WING

ค่าไฟพุ่งสูง โรงงานหลายแห่งอาจต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จะดีกว่าไหม หากมีตัวช่วยลดค่าไฟให้กับโรงงาน

read more
หมิ่นประมาท ในกลุ่มไลน์ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2564ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ ผู้กระทำต้องเผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทออกไปยังสาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป จำเลยส่งข้อความลงในแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวเฉพาะกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์เท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นการกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖

หมิ่นประมาท ในกลุ่มไลน์ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2564ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ ผู้กระทำต้องเผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทออกไปยังสาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป จำเลยส่งข้อความลงในแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวเฉพาะกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์เท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นการกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖

หมิ่นประมาท ในกลุ่มไลน์ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คำพิพากษาศาลฎีกาที่...

read more

จดโดเมนเนม .com เพียง 380 บาท ฟรี! ระบบบริหารจัดการโดเมนด้วยตัวคุณเอง

กรอกชื่อโดเมนเนมที่ต้องการจด:

บทความล่าสุด