by RobRuThai | Dec 12, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ, ออนไลน์น่ารู้
ตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ด้วยงบ 300,000 บาท คุมโทนทั้งบ้าน!
การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสไตล์ที่เน้นความเรียบง่าย โปร่งโล่ง และใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ทำให้บ้านดูสบายตาและเป็นระเบียบเรียบร้อย หากคุณกำลังมองหาไอเดียในการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบประมาณ 300,000 บาท บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสไตล์มินิมอล
สไตล์มินิมอลเน้นการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ การตกแต่งที่ไม่ซับซ้อน พร้อมกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและทันสมัย มักจะใช้โทนสีขาว ครีม หรือสีธรรมชาติเป็นหลัก พร้อมกับการตกแต่งที่มีเส้นสายที่เรียบง่ายและไม่ยุ่งเหยิง เพื่อให้เกิดความรู้สึกสงบและโล่งโปร่ง
การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้ของน้อยมาก แต่คือการเลือกใช้สิ่งของที่มีความจำเป็นและมีความหมายจริง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของการใช้ชีวิตที่ไม่ยุ่งยากและไม่ฟุ่มเฟือย
วิธีตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบ 300,000 บาท
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและมีฟังก์ชัน
- เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีหลายฟังก์ชัน เช่น โซฟาเบด หรือโต๊ะทำงานที่สามารถพับเก็บได้
- เฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายเรียบง่าย: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปทรงเรียบง่าย สีพื้น และวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติ
- เฟอร์นิเจอร์ไม้: เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เข้ากับสไตล์มินิมอลได้เป็นอย่างดี
เลือกสีที่เป็นกลาง
- สีขาว: สีขาวช่วยให้ห้องดูสว่างและกว้างขวางขึ้น
- สีเทา: สีเทาให้ความรู้สึกสงบและทันสมัย
- สีครีม: สีครีมให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
ตกแต่งผนัง
- ทาสีผนัง: เลือกสีทาผนังที่เป็นกลาง เช่น สีขาว สีเทา หรือสีครีม
- ติดวอลเปเปอร์ลายเรียบ: วอลเปเปอร์ลายเรียบจะช่วยเพิ่มมิติให้กับผนัง
- ติดภาพศิลปะ: เลือกภาพศิลปะที่มีสีสันเรียบง่ายและเข้ากับสไตล์มินิมอล
เลือกใช้แสงสว่าง
- แสงธรรมชาติ: ใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติให้มากที่สุด
- ไฟซ่อน: ไฟซ่อนช่วยให้ห้องดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
- โคมไฟ: เลือกโคมไฟที่มีดีไซน์เรียบง่าย
เพิ่มพื้นผิวที่แตกต่าง
- พื้นไม้: พื้นไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
- พื้นกระเบื้อง: พื้นกระเบื้องทำความสะอาดง่ายและดูทันสมัย
- พื้นอีพ็อกซี่: พื้นอีพ็อกซี่มีความมันวาวสูง ทำให้ห้องดูทันสมัยและดูแลรักษาง่าย
สรุป
การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบประมาณ 300,000 บาท เป็นไปได้อย่างแน่นอน เพียงแค่คุณเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและมีฟังก์ชัน เลือกสีที่เป็นกลาง ตกแต่งผนังให้เรียบง่าย และเลือกใช้แสงสว่างที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเลือกใช้พื้นอีพ็อกซี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทนทานและทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
by drsuthichai | Dec 11, 2024 | ทั่วไป อื่นๆ
คำถาม
ไปทำสัญญาขายฝาก ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด
โดยไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก
ต่อมาต้องการไปเพิกถอน โดยนำพยานบุคคลเข้าไปสืบจะทำได้หรือไม่
โดย…ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
คำตอบ คือ ไม่สามารถทำได้ อ้างอิง ตาม
คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๑/๒๕๖๐
โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจําเลยต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงเป็นนิติกรรม การขายฝากที่ดินพิพาทที่ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๔๕๖ ประกอบมาตรา ๔๙๑ กรณีจึงเป็นนิติกรรมที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสาร มาแสดง ซึ่งการรับฟังพยานหลักฐานตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๔ (ข) บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟัง พยานบุคคลในกรณีขอสืบพยานบุคคลแทนเอกสารหรือสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างว่ายังมี ข้อความเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก เมื่อปรากฏว่า
หนังสือสัญญาขายฝากที่ดินระบุราคาขายฝากและสินไถ่ไว้จํานวน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท และ ผู้ขายฝากได้รับเงินจากผู้รับซื้อฝากเป็นการเสร็จแล้ว โจทก์จะนําพยานบุคคลมาสืบเพื่อ เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารว่า ราคาขายฝากที่แท้จริงมีเพียง ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท และได้รับเงินตามสัญญาขายฝากไม่เต็มจํานวนไม่ได้ เพราะเป็นการนําสืบเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามตามบทบัญญัติของมาตรา ๙๔ (ข) จึงต้องรับฟังตามหนังสือ สัญญาขายฝากที่ดินว่า โจทก์จําเลยตกลงขายฝากที่ดินพิพาทในราคาขายฝากและกําหนดสินไถ่ไว้ เป็นเงิน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท แม้โจทก์จะนําเงินสินไถ่ไปวางต่อสํานักงานวางทรัพย์เพื่อเป็นค่าไถ่ ที่ดินพิพาทที่ขายฝากในราคา ๒,๐๓๐,๐๐๐ บาท ก็ไม่ครบตามจํานวนสินไถ่ที่กําหนดไว้ตาม สัญญา ถือเป็นการขอปฏิบัติการชําระหนี้ไม่ถูกต้อง จําเลยย่อมมีสิทธิบอกปัดไม่รับเงินสินไถ่ ดังกล่าวได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จําเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทที่ขายฝากคืน ให้แก่โจทก์
#image_title
by Y | Dec 11, 2024 | ข่าวสารเว็บไซต์, ข่าวโปรโมชั่น, ทั่วไป อื่นๆ, บริการรับจ้างทั่วไป, ออนไลน์น่ารู้, เตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาคความปลอดภัย: ขั้นตอนสำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ถือเป็นเสาหลักในการรักษาความปลอดภัยให้กับองค์กรและสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล หรือโรงงานอุตสาหกรรม การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขามีความพร้อมและทักษะในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งบทความนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหัวข้อสำคัญในการอบรมที่ช่วยเสริมสร้างทักษะและประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่
ความสำคัญของการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่เพียงแต่เป็นการเสริมทักษะในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีความมั่นใจและสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว การอบรมจะทำให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในบทบาทและความรับผิดชอบของตัวเองมากขึ้น รวมถึงสามารถจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หัวข้อสำคัญในการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การป้องกันและระงับเหตุการณ์อาชญากรรม
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรม เช่น การสังเกตพฤติกรรมที่น่าสงสัย, การตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก, และการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมต่าง ๆ โดยการตรวจสอบและเฝ้าระวังสถานที่อย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จะสามารถป้องกันการโจรกรรม หรือเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทได้
การสังเกตพฤติกรรม: เจ้าหน้าที่ต้องเรียนรู้วิธีการสังเกตและระบุพฤติกรรมที่น่าสงสัยจากบุคคลที่เข้ามาในสถานที่ เช่น การเดินเข้ามาในเวลาที่ไม่ปกติ หรือการเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่ห้ามเข้า
การรายงานเหตุการณ์: การเรียนรู้วิธีการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพไปยังผู้บังคับบัญชา รวมถึงการประสานงานกับตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การป้องกันอัคคีภัยและการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง
เหตุการณ์ไฟไหม้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้เครื่องมือดับเพลิงและปฏิบัติการระงับอัคคีภัยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วจึงเป็นสิ่งจำเป็น เจ้าหน้าที่จะต้องได้รับการฝึกฝนในการใช้ถังดับเพลิง, สายยางดับเพลิง และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อหยุดยั้งไฟในเบื้องต้นก่อนที่สถานการณ์จะลุกลาม
การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง: เจ้าหน้าที่ต้องรู้จักวิธีการใช้งานเครื่องดับเพลิงประเภทต่าง ๆ และการเลือกใช้อุปกรณ์ดับเพลิงให้ถูกต้องตามประเภทของไฟ (ไฟจากไฟฟ้า, น้ำมัน, หรือวัสดุธรรมชาติ)
การฝึกซ้อมการอพยพ: เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฝึกอบรมในการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็วและมีระเบียบ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยของผู้ที่อาจมีปัญหาสุขภาพหรือมีความบกพร่องในการเคลื่อนไหวในบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร
การจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
การอบรมการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุ, การโจมตี, หรือภัยพิบัติธรรมชาติ (เช่น แผ่นดินไหว, น้ำท่วม) เป็นการเตรียมความพร้อมให้เจ้าหน้าที่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฝึกซ้อมฉุกเฉิน: การฝึกซ้อมอพยพในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น การจัดการผู้บาดเจ็บ, การพาผู้คนออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
การปฐมพยาบาล: การอบรมให้เจ้าหน้าที่สามารถให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ เช่น การห้ามเลือด, การทำ CPR, และการให้การช่วยเหลือในกรณีที่เกิดการบาดเจ็บ
การให้บริการและการดูแลลูกค้า
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังต้องทำหน้าที่ในการดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างมีมารยาท เช่น การช่วยแนะนำทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ, การดูแลลูกค้าในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน, และการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดภัยต่าง ๆ
การสื่อสารกับผู้ใช้บริการ: การฝึกให้เจ้าหน้าที่รู้วิธีการสื่อสารที่ชัดเจนและสุภาพ รวมถึงการให้ข้อมูลสำคัญที่ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องรู้
การจัดการสถานการณ์ที่มีความเครียด: การอบรมให้เจ้าหน้าที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดได้ดี เช่น การจัดการกับลูกค้าที่ไม่พอใจหรือสถานการณ์ที่อาจเกิดความวิตกกังวล
การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีทักษะในการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV), ระบบคีย์การ์ด, และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบสถานที่อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้กล้องวงจรปิด (CCTV): เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฝึกฝนในการดูแลและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงการบันทึกข้อมูลที่สำคัญและการใช้ระบบการตรวจสอบ
การใช้งานเครื่องตรวจจับ: การฝึกให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือการใช้เครื่องมือสแกนตรวจหาวัตถุต้องสงสัย เช่น การตรวจค้นกระเป๋าหรือสัมภาระของบุคคล
ผลลัพธ์จากการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีผลลัพธ์ที่สำคัญหลายประการ ได้แก่
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมจะสามารถปฏิบัติงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้ทักษะและความรู้ที่ได้รับในการดูแลความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ
การเสริมสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ใช้บริการ: การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้รับการอบรมอย่างดีช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ที่มาใช้บริการว่าได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ
การลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด: การเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
สรุป
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความพร้อมและความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยการอบรมไม่เพียงแต่เน้นที่การป้องกันและการปฏิบัติในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังเน้นที่การให้บริการที่ดีและการใช้งานเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถดูแลและรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความมั่นใจสูงสุดบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร
by drsuthichai | Dec 10, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
ที่ดิน สปก. ขายไปแล้ว รับเงินไปแล้ว อ้างว่าเป็น โมฆะ ฟ้องขับไล่คนซื้อที่ดิน สปก. ให้ออกไปจากที่ดิน จะทำได้ไหม?
โดย…ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ หรือ ทนายโทนี่
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
ตอบ เดิม การซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก.โดยส่งมอบการครอบครองให้แล้ว สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ (อ้างอิง จาก ฎีกาที่ 2293/2552 ) ต่อมาศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ผู้ขายที่ดิน ส.ป.ก.ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11165/2558)
พระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 39 ห้ามไม่ให้ซื้อขาย หากซื้อขายก็ถือว่าเป็นโมฆะตามมาตรา 150 (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)
พระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
มาตรา 39 ที่ดินที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะทำการแบ่งแยก หรือโอนสิทธิ ในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม หรือโอนไปยังสถาบันเกษตรกร หรือ ส.ป.ก. เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ก าหนดในกฎกระทรวง
หากมีการซื้อขาย ก็จะถือว่าเป็นโมฆะตามมาตรา 150 (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)
“มาตรา 150” หรือ “ป.พ.พ. มาตรา 150 “ คือ หนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ “
ดังนั้น คนที่ซื้อก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปเป็นเจ้าของที่ดินได้ แต่ในทางกลับกัน หากไม่มีการทำประโยชน์ในที่ดิน แปลงดังกล่าว ที่ดิน สปก.แปลงนั้นก็จะตกไปเป็นของ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก. และทาง. คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก. ก็จะนำไปจัดสรรให้แก่เกษตรกรรายใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2552 กรณีโจทย์-จำเลย ทำสัญญาซื้อ – ขายที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นนิติกรรมที่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11165/2558 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2558)
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่โจทก์เป็นผู้รับสิทธิทำประโยชน์ในที่ดินจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โจทก์ขายและส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ ท. เมื่อปี 2546 แล้ว ท. สละการครอบครองให้จำเลยทั้งสองเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา แม้ก่อนฟ้องโจทก์กับ ท. ได้ทำบันทึกข้อตกลงว่าโจทก์จะคืนเงินให้แก่ ท. 110,000 บาท และ ท. จะคืนที่ดินพิพาทให้โจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ ท. แต่อย่างใด การที่โจทก์กลับมาอ้างเป็นผู้มีสิทธิตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4 – 01 ก.) และมาฟ้องขอให้บังคับขับไล่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สืบสิทธิจาก ท. จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินพิพาท
สำหรับประเด็น ที่ดินพิพาทที่มีปัญหา ก็เป็นเรื่องที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ต่อไป
#image_title
by Y | Dec 9, 2024 | ข่าวสารเว็บไซต์, ข่าวโปรโมชั่น, ทั่วไป อื่นๆ, บริการรับจ้างทั่วไป, ออนไลน์น่ารู้, แนะนำสินค้าและบริการ
การ
รับรื้อถอนพร้อมรีโนเวท (Renovation and Demolition Services) คือบริการที่รวมการ
รับรื้อถอนอาคารหรือส่วนต่างๆ ที่ไม่จำเป็น หรือไม่เหมาะสม และการปรับปรุงหรือรีโนเวทอาคารให้ใหม่ขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้มีประโยชน์หลายประการ โดยเฉพาะในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยหรืออาคารสำนักงานให้มีความทันสมัยและปลอดภัยมากขึ้น
ประโยชน์ของการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวท
การเพิ่มคุณค่าให้กับทรัพย์สิน การรีโนเวทอาคารเก่าให้มีความทันสมัยหรือเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินได้ เช่น หากคุณทำการปรับปรุงบ้านให้มีดีไซน์ใหม่ หรือเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ก็จะทำให้บ้านหรืออาคารมีความน่าสนใจมากขึ้น และสามารถขายหรือเช่าในราคาที่สูงขึ้นได้
เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย อาคารเก่ามักจะมีปัญหาด้านโครงสร้างหรือระบบต่างๆ ที่เริ่มเสื่อมสภาพ การรื้อถอนส่วนที่เสียหายและรีโนเวทเพื่อปรับปรุงใหม่ เช่น การเปลี่ยนระบบไฟฟ้า ประปา หรือเสริมโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ที่อยู่อาศัยหรือทำงานในอาคารนั้นรับรื้อคืนพื้นที่
ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีขึ้น บางครั้งการปรับปรุงอาคารเก่าเป็นการแก้ไขปัญหาหรือทำให้พื้นที่มีการใช้ประโยชน์มากขึ้น เช่น การขยายพื้นที่ห้อง เพิ่มห้องน้ำ หรือปรับแผนผังภายในให้สะดวกและเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่การรื้อถอนพร้อมการรีโนเวทสามารถทำได้
การประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การรีโนเวทอาคารให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การติดตั้งระบบประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ เช่น ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ หรือการบำรุงรักษาอาคาร
การรักษาอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สำหรับอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หรือมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญ การรื้อถอนบางส่วนและรีโนเวทเพื่อปรับปรุงการใช้งานในปัจจุบัน จะช่วยรักษาคุณค่าของอาคารนั้นไว้ได้ โดยไม่ทำให้สูญเสียลักษณะหรือเอกลักษณ์เดิม
เพิ่มพื้นที่ใช้สอย รับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทบางครั้งอาจรวมถึงการขยายพื้นที่ห้องหรือพื้นที่ใช้งานใหม่ เช่น การเปลี่ยนพื้นที่ในชั้นล่างให้เป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงาน หรือการขยายห้องครัว เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้สะดวกและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์
การปรับปรุงให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยี ในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ ในการปรับปรุงบ้านหรืออาคารเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การติดตั้งระบบสมาร์ทโฮม การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือระบบการกรองอากาศที่ดีขึ้น การทำรีโนเวทในลักษณะนี้จะช่วยให้การใช้ชีวิตในอาคารนั้นๆ มีความสะดวกสบายและสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่มีในยุคปัจจุบัน
สรุป
รับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทเป็นทางเลือกที่ดีในการปรับปรุงบ้านหรืออาคารเก่าให้มีความปลอดภัย ทันสมัย และเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน นอกจากจะช่วยเพิ่มคุณค่าและความสะดวกสบายให้กับอาคารแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและทำให้พื้นที่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณกำลังคิดจะปรับปรุงบ้านหรืออาคาร การเลือกใช้บริการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากๆ
รับรื้อถอนอาคาร ปรับปรุงอาคาร
ถอนคืนพื้นที่ พร้อมบริการรีโนเวท
P.R.life บริการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทครบวงจร ปรับปรุงสำนักงาน เราให้บริการรีโนเวทอาคาร โดยทีมงานวิศวกรคุณภาพที่มีความชำนาญ และประสิทธิภาพในด้านวิศวกรรม ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี นอกเหนือจากนี้ บริษัทของเราให้บริการอื่นๆ มากมายและครบวงจร
รับซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสอง ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ทุกรูปแบบ
ติดต่อด่วน
092-256-5564 คุณปวุติ แสงทอง
081-529-6499 ศิรินันท์ เปรมฤดีสนิท
ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย!
ID Line : kunggusto ID line : Tonykarn
by drsuthichai | Dec 8, 2024 | การศึกษา, ทั่วไป อื่นๆ
พูดเรื่องจริง จะฟ้องหมิ่นประมาทคนพูดได้หรือไม่
คำตอบ คือ ถึงแม้จะพูดเรื่องจริง ก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้(มาตรา 326) แต่ก็มีหลักกฎหมายที่ระบุว่า ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท(มาตรา 329) หรือ
มีข้อยกเว้นเที่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 330 )
โดย….ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา ๓๒๖ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ( คำว่า “ใส่ความ” ตามภาษากฎหมาย คือ การพูดเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้คนอื่นหรือผู้อื่นฟังแล้วเกิดความเสียหายกับผู้นั้น แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม)
แต่ก็มีหลักกฎหมายตามมาตรา 329 ที่ระบุว่า ผู้ที่ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้แก่บุคคลที่ซึ่งบัญญัติไว้ตามมาตรา 329 คือ
มาตรา 329 ประมวลกฎหมายอาญา คือ ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(๒) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(๓) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(๔) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท “
สำหรับหลักกฎหมาย ที่ได้รับการยกเว้นที่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 330 )
มาตรา 330 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
สรุปอีกครั้ง คือ
พูดเรื่องจริง จะฟ้องหมิ่นประมาทคนพูดได้หรือไม่
คำตอบ คือ ถึงแม้จะพูดเรื่องจริง ก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้(มาตรา 326) แต่ก็มีหลักกฎหมายที่ระบุว่า ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท(มาตรา 329) หรือ มีข้อยกเว้นเที่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 330 )
#image_title