ตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ด้วยงบ 300,000 บาท คุมโทนทั้งบ้าน!

ตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ด้วยงบ 300,000 บาท คุมโทนทั้งบ้าน!

Free A serene and spacious modern living room interior with elegant decor. Stock Photo

ตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ด้วยงบ 300,000 บาท คุมโทนทั้งบ้าน!

การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสไตล์ที่เน้นความเรียบง่าย โปร่งโล่ง และใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ทำให้บ้านดูสบายตาและเป็นระเบียบเรียบร้อย หากคุณกำลังมองหาไอเดียในการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบประมาณ 300,000 บาท บทความนี้มีคำตอบให้คุณ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสไตล์มินิมอล

สไตล์มินิมอลเน้นการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ การตกแต่งที่ไม่ซับซ้อน พร้อมกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและทันสมัย มักจะใช้โทนสีขาว ครีม หรือสีธรรมชาติเป็นหลัก พร้อมกับการตกแต่งที่มีเส้นสายที่เรียบง่ายและไม่ยุ่งเหยิง เพื่อให้เกิดความรู้สึกสงบและโล่งโปร่ง

การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้ของน้อยมาก แต่คือการเลือกใช้สิ่งของที่มีความจำเป็นและมีความหมายจริง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของการใช้ชีวิตที่ไม่ยุ่งยากและไม่ฟุ่มเฟือย

วิธีตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบ 300,000 บาท

เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและมีฟังก์ชัน

  • เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีหลายฟังก์ชัน เช่น โซฟาเบด หรือโต๊ะทำงานที่สามารถพับเก็บได้
  • เฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายเรียบง่าย: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปทรงเรียบง่าย สีพื้น และวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • เฟอร์นิเจอร์ไม้: เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เข้ากับสไตล์มินิมอลได้เป็นอย่างดี

เลือกสีที่เป็นกลาง

  • สีขาว: สีขาวช่วยให้ห้องดูสว่างและกว้างขวางขึ้น
  • สีเทา: สีเทาให้ความรู้สึกสงบและทันสมัย
  • สีครีม: สีครีมให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง

Free Interior of modern hotel room with bed next to bedside table under lamp hanging from ceiling Stock Photo

ตกแต่งผนัง

  • ทาสีผนัง: เลือกสีทาผนังที่เป็นกลาง เช่น สีขาว สีเทา หรือสีครีม
  • ติดวอลเปเปอร์ลายเรียบ: วอลเปเปอร์ลายเรียบจะช่วยเพิ่มมิติให้กับผนัง
  • ติดภาพศิลปะ: เลือกภาพศิลปะที่มีสีสันเรียบง่ายและเข้ากับสไตล์มินิมอล

เลือกใช้แสงสว่าง

  • แสงธรรมชาติ: ใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติให้มากที่สุด
  • ไฟซ่อน: ไฟซ่อนช่วยให้ห้องดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
  • โคมไฟ: เลือกโคมไฟที่มีดีไซน์เรียบง่าย

เพิ่มพื้นผิวที่แตกต่าง

  • พื้นไม้: พื้นไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
  • พื้นกระเบื้อง: พื้นกระเบื้องทำความสะอาดง่ายและดูทันสมัย
  • พื้นอีพ็อกซี่: พื้นอีพ็อกซี่มีความมันวาวสูง ทำให้ห้องดูทันสมัยและดูแลรักษาง่าย

 

สรุป

การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลด้วยงบประมาณ 300,000 บาท เป็นไปได้อย่างแน่นอน เพียงแค่คุณเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและมีฟังก์ชัน เลือกสีที่เป็นกลาง ตกแต่งผนังให้เรียบง่าย และเลือกใช้แสงสว่างที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเลือกใช้พื้นอีพ็อกซี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทนทานและทำความสะอาดง่ายอีกด้วย

ไปทำสัญญาขายฝาก ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด  โดยไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก ต่อมาต้องการไปเพิกถอน โดยนำพยานบุคคลเข้าไปสืบจะทำได้หรือไม่

ไปทำสัญญาขายฝาก ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด โดยไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก ต่อมาต้องการไปเพิกถอน โดยนำพยานบุคคลเข้าไปสืบจะทำได้หรือไม่

คำถาม
ไปทำสัญญาขายฝาก ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด
โดยไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก
ต่อมาต้องการไปเพิกถอน โดยนำพยานบุคคลเข้าไปสืบจะทำได้หรือไม่
โดย…ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
คำตอบ คือ ไม่สามารถทำได้ อ้างอิง ตาม
คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๑/๒๕๖๐

โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจําเลยต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงเป็นนิติกรรม การขายฝากที่ดินพิพาทที่ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๔๕๖ ประกอบมาตรา ๔๙๑ กรณีจึงเป็นนิติกรรมที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสาร มาแสดง ซึ่งการรับฟังพยานหลักฐานตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๔ (ข) บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟัง พยานบุคคลในกรณีขอสืบพยานบุคคลแทนเอกสารหรือสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างว่ายังมี ข้อความเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก เมื่อปรากฏว่า
หนังสือสัญญาขายฝากที่ดินระบุราคาขายฝากและสินไถ่ไว้จํานวน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท และ ผู้ขายฝากได้รับเงินจากผู้รับซื้อฝากเป็นการเสร็จแล้ว โจทก์จะนําพยานบุคคลมาสืบเพื่อ เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารว่า ราคาขายฝากที่แท้จริงมีเพียง ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท และได้รับเงินตามสัญญาขายฝากไม่เต็มจํานวนไม่ได้ เพราะเป็นการนําสืบเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามตามบทบัญญัติของมาตรา ๙๔ (ข) จึงต้องรับฟังตามหนังสือ สัญญาขายฝากที่ดินว่า โจทก์จําเลยตกลงขายฝากที่ดินพิพาทในราคาขายฝากและกําหนดสินไถ่ไว้ เป็นเงิน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท แม้โจทก์จะนําเงินสินไถ่ไปวางต่อสํานักงานวางทรัพย์เพื่อเป็นค่าไถ่ ที่ดินพิพาทที่ขายฝากในราคา ๒,๐๓๐,๐๐๐ บาท ก็ไม่ครบตามจํานวนสินไถ่ที่กําหนดไว้ตาม สัญญา ถือเป็นการขอปฏิบัติการชําระหนี้ไม่ถูกต้อง จําเลยย่อมมีสิทธิบอกปัดไม่รับเงินสินไถ่ ดังกล่าวได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จําเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทที่ขายฝากคืน ให้แก่โจทก์

#image_title

อบรมเจ้าหน้าที่รักษาคความปลอดภัยอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ

อบรมเจ้าหน้าที่รักษาคความปลอดภัยอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ

การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาคความปลอดภัย: ขั้นตอนสำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ถือเป็นเสาหลักในการรักษาความปลอดภัยให้กับองค์กรและสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล หรือโรงงานอุตสาหกรรม การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขามีความพร้อมและทักษะในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งบทความนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหัวข้อสำคัญในการอบรมที่ช่วยเสริมสร้างทักษะและประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่

ความสำคัญของการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่เพียงแต่เป็นการเสริมทักษะในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีความมั่นใจและสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว การอบรมจะทำให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในบทบาทและความรับผิดชอบของตัวเองมากขึ้น รวมถึงสามารถจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หัวข้อสำคัญในการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การป้องกันและระงับเหตุการณ์อาชญากรรม
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรม เช่น การสังเกตพฤติกรรมที่น่าสงสัย, การตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก, และการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมต่าง ๆ โดยการตรวจสอบและเฝ้าระวังสถานที่อย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จะสามารถป้องกันการโจรกรรม หรือเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทได้

การสังเกตพฤติกรรม: เจ้าหน้าที่ต้องเรียนรู้วิธีการสังเกตและระบุพฤติกรรมที่น่าสงสัยจากบุคคลที่เข้ามาในสถานที่ เช่น การเดินเข้ามาในเวลาที่ไม่ปกติ หรือการเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่ห้ามเข้า
การรายงานเหตุการณ์: การเรียนรู้วิธีการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพไปยังผู้บังคับบัญชา รวมถึงการประสานงานกับตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การป้องกันอัคคีภัยและการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง
เหตุการณ์ไฟไหม้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้เครื่องมือดับเพลิงและปฏิบัติการระงับอัคคีภัยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วจึงเป็นสิ่งจำเป็น เจ้าหน้าที่จะต้องได้รับการฝึกฝนในการใช้ถังดับเพลิง, สายยางดับเพลิง และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อหยุดยั้งไฟในเบื้องต้นก่อนที่สถานการณ์จะลุกลาม

การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง: เจ้าหน้าที่ต้องรู้จักวิธีการใช้งานเครื่องดับเพลิงประเภทต่าง ๆ และการเลือกใช้อุปกรณ์ดับเพลิงให้ถูกต้องตามประเภทของไฟ (ไฟจากไฟฟ้า, น้ำมัน, หรือวัสดุธรรมชาติ)
การฝึกซ้อมการอพยพ: เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฝึกอบรมในการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็วและมีระเบียบ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยของผู้ที่อาจมีปัญหาสุขภาพหรือมีความบกพร่องในการเคลื่อนไหวในบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร

การจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
การอบรมการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุ, การโจมตี, หรือภัยพิบัติธรรมชาติ (เช่น แผ่นดินไหว, น้ำท่วม) เป็นการเตรียมความพร้อมให้เจ้าหน้าที่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การฝึกซ้อมฉุกเฉิน: การฝึกซ้อมอพยพในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น การจัดการผู้บาดเจ็บ, การพาผู้คนออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
การปฐมพยาบาล: การอบรมให้เจ้าหน้าที่สามารถให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ เช่น การห้ามเลือด, การทำ CPR, และการให้การช่วยเหลือในกรณีที่เกิดการบาดเจ็บ

การให้บริการและการดูแลลูกค้า
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังต้องทำหน้าที่ในการดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างมีมารยาท เช่น การช่วยแนะนำทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ, การดูแลลูกค้าในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน, และการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดภัยต่าง ๆ

การสื่อสารกับผู้ใช้บริการ: การฝึกให้เจ้าหน้าที่รู้วิธีการสื่อสารที่ชัดเจนและสุภาพ รวมถึงการให้ข้อมูลสำคัญที่ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องรู้
การจัดการสถานการณ์ที่มีความเครียด: การอบรมให้เจ้าหน้าที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดได้ดี เช่น การจัดการกับลูกค้าที่ไม่พอใจหรือสถานการณ์ที่อาจเกิดความวิตกกังวล

การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีทักษะในการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV), ระบบคีย์การ์ด, และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบสถานที่อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้กล้องวงจรปิด (CCTV): เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฝึกฝนในการดูแลและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงการบันทึกข้อมูลที่สำคัญและการใช้ระบบการตรวจสอบ
การใช้งานเครื่องตรวจจับ: การฝึกให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือการใช้เครื่องมือสแกนตรวจหาวัตถุต้องสงสัย เช่น การตรวจค้นกระเป๋าหรือสัมภาระของบุคคล

ผลลัพธ์จากการอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีผลลัพธ์ที่สำคัญหลายประการ ได้แก่

การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมจะสามารถปฏิบัติงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้ทักษะและความรู้ที่ได้รับในการดูแลความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ
การเสริมสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ใช้บริการ: การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้รับการอบรมอย่างดีช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ที่มาใช้บริการว่าได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ
การลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด: การเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
สรุป
การอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความพร้อมและความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยการอบรมไม่เพียงแต่เน้นที่การป้องกันและการปฏิบัติในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังเน้นที่การให้บริการที่ดีและการใช้งานเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถดูแลและรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความมั่นใจสูงสุดบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจร

 

ที่ดิน สปก. ขายไปแล้ว รับเงินไปแล้ว อ้างว่าเป็น โมฆะ ฟ้องขับไล่คนซื้อที่ดิน สปก. ให้ออกไปจากที่ดิน  จะทำได้ไหม?

ที่ดิน สปก. ขายไปแล้ว รับเงินไปแล้ว อ้างว่าเป็น โมฆะ ฟ้องขับไล่คนซื้อที่ดิน สปก. ให้ออกไปจากที่ดิน  จะทำได้ไหม?

ที่ดิน สปก. ขายไปแล้ว รับเงินไปแล้ว อ้างว่าเป็น โมฆะ ฟ้องขับไล่คนซื้อที่ดิน สปก. ให้ออกไปจากที่ดิน  จะทำได้ไหม?

โดย…ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ หรือ ทนายโทนี่

https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740

ตอบ เดิม การซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก.โดยส่งมอบการครอบครองให้แล้ว สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ (อ้างอิง จาก ฎีกาที่ 2293/2552 ) ต่อมาศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ผู้ขายที่ดิน ส.ป.ก.ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11165/2558)

 

พระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 39  ห้ามไม่ให้ซื้อขาย  หากซื้อขายก็ถือว่าเป็นโมฆะตามมาตรา 150 (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)

พระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518

มาตรา 39 ที่ดินที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะทำการแบ่งแยก หรือโอนสิทธิ ในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม หรือโอนไปยังสถาบันเกษตรกร หรือ ส.ป.ก. เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ก าหนดในกฎกระทรวง

 

หากมีการซื้อขาย ก็จะถือว่าเป็นโมฆะตามมาตรา 150 (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)

“มาตรา 150” หรือ “ป.พ.พ. มาตรา 150 “ คือ หนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ “

 

ดังนั้น คนที่ซื้อก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปเป็นเจ้าของที่ดินได้  แต่ในทางกลับกัน หากไม่มีการทำประโยชน์ในที่ดิน แปลงดังกล่าว ที่ดิน สปก.แปลงนั้นก็จะตกไปเป็นของ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก. และทาง. คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก. ก็จะนำไปจัดสรรให้แก่เกษตรกรรายใหม่ได้

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2552 กรณีโจทย์-จำเลย ทำสัญญาซื้อ – ขายที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นนิติกรรมที่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11165/2558 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2558)

ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่โจทก์เป็นผู้รับสิทธิทำประโยชน์ในที่ดินจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โจทก์ขายและส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ ท. เมื่อปี 2546 แล้ว ท. สละการครอบครองให้จำเลยทั้งสองเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา แม้ก่อนฟ้องโจทก์กับ ท. ได้ทำบันทึกข้อตกลงว่าโจทก์จะคืนเงินให้แก่ ท. 110,000 บาท และ ท. จะคืนที่ดินพิพาทให้โจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ ท. แต่อย่างใด การที่โจทก์กลับมาอ้างเป็นผู้มีสิทธิตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4 – 01 ก.) และมาฟ้องขอให้บังคับขับไล่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สืบสิทธิจาก ท. จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินพิพาท

 

สำหรับประเด็น ที่ดินพิพาทที่มีปัญหา  ก็เป็นเรื่องที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ต่อไป

#image_title

 

 

 

 

 

ประโยชน์ของการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวท

ประโยชน์ของการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวท

ประโยชน์ของการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวท
การเพิ่มคุณค่าให้กับทรัพย์สิน การรีโนเวทอาคารเก่าให้มีความทันสมัยหรือเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินได้ เช่น หากคุณทำการปรับปรุงบ้านให้มีดีไซน์ใหม่ หรือเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ก็จะทำให้บ้านหรืออาคารมีความน่าสนใจมากขึ้น และสามารถขายหรือเช่าในราคาที่สูงขึ้นได้

เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย อาคารเก่ามักจะมีปัญหาด้านโครงสร้างหรือระบบต่างๆ ที่เริ่มเสื่อมสภาพ การรื้อถอนส่วนที่เสียหายและรีโนเวทเพื่อปรับปรุงใหม่ เช่น การเปลี่ยนระบบไฟฟ้า ประปา หรือเสริมโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ที่อยู่อาศัยหรือทำงานในอาคารนั้นรับรื้อคืนพื้นที่

ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีขึ้น บางครั้งการปรับปรุงอาคารเก่าเป็นการแก้ไขปัญหาหรือทำให้พื้นที่มีการใช้ประโยชน์มากขึ้น เช่น การขยายพื้นที่ห้อง เพิ่มห้องน้ำ หรือปรับแผนผังภายในให้สะดวกและเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่การรื้อถอนพร้อมการรีโนเวทสามารถทำได้

การประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การรีโนเวทอาคารให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การติดตั้งระบบประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ เช่น ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ หรือการบำรุงรักษาอาคาร

การรักษาอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สำหรับอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หรือมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญ การรื้อถอนบางส่วนและรีโนเวทเพื่อปรับปรุงการใช้งานในปัจจุบัน จะช่วยรักษาคุณค่าของอาคารนั้นไว้ได้ โดยไม่ทำให้สูญเสียลักษณะหรือเอกลักษณ์เดิม

เพิ่มพื้นที่ใช้สอย รับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทบางครั้งอาจรวมถึงการขยายพื้นที่ห้องหรือพื้นที่ใช้งานใหม่ เช่น การเปลี่ยนพื้นที่ในชั้นล่างให้เป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงาน หรือการขยายห้องครัว เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้สะดวกและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์

การปรับปรุงให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยี ในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ ในการปรับปรุงบ้านหรืออาคารเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การติดตั้งระบบสมาร์ทโฮม การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือระบบการกรองอากาศที่ดีขึ้น การทำรีโนเวทในลักษณะนี้จะช่วยให้การใช้ชีวิตในอาคารนั้นๆ มีความสะดวกสบายและสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่มีในยุคปัจจุบัน

สรุป
รับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทเป็นทางเลือกที่ดีในการปรับปรุงบ้านหรืออาคารเก่าให้มีความปลอดภัย ทันสมัย และเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน นอกจากจะช่วยเพิ่มคุณค่าและความสะดวกสบายให้กับอาคารแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและทำให้พื้นที่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณกำลังคิดจะปรับปรุงบ้านหรืออาคาร การเลือกใช้บริการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากๆ

 

รับรื้อถอนอาคาร ปรับปรุงอาคาร
ถอนคืนพื้นที่ พร้อมบริการรีโนเวท

P.R.life บริการรับรื้อถอนพร้อมรีโนเวทครบวงจร ปรับปรุงสำนักงาน เราให้บริการรีโนเวทอาคาร   โดยทีมงานวิศวกรคุณภาพที่มีความชำนาญ และประสิทธิภาพในด้านวิศวกรรม ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี นอกเหนือจากนี้ บริษัทของเราให้บริการอื่นๆ มากมายและครบวงจร

รับซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสอง ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ทุกรูปแบบ

ติดต่อด่วน

092-256-5564 คุณปวุติ แสงทอง

081-529-6499 ศิรินันท์ เปรมฤดีสนิท

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย!

ID Line : kunggusto ID line : Tonykarn

พูดเรื่องจริงก็อาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้เช่นกัน

พูดเรื่องจริงก็อาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้เช่นกัน

พูดเรื่องจริง จะฟ้องหมิ่นประมาทคนพูดได้หรือไม่
คำตอบ คือ ถึงแม้จะพูดเรื่องจริง ก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้(มาตรา 326) แต่ก็มีหลักกฎหมายที่ระบุว่า ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท(มาตรา 329) หรือ
มีข้อยกเว้นเที่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 330 )
โดย….ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61570145816740
ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา ๓๒๖ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ( คำว่า “ใส่ความ” ตามภาษากฎหมาย คือ การพูดเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้คนอื่นหรือผู้อื่นฟังแล้วเกิดความเสียหายกับผู้นั้น แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม)
แต่ก็มีหลักกฎหมายตามมาตรา 329 ที่ระบุว่า ผู้ที่ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้แก่บุคคลที่ซึ่งบัญญัติไว้ตามมาตรา 329 คือ
มาตรา 329 ประมวลกฎหมายอาญา คือ ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(๒) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(๓) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(๔) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท “

สำหรับหลักกฎหมาย ที่ได้รับการยกเว้นที่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 330 )
มาตรา 330 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
สรุปอีกครั้ง คือ
พูดเรื่องจริง จะฟ้องหมิ่นประมาทคนพูดได้หรือไม่
คำตอบ คือ ถึงแม้จะพูดเรื่องจริง ก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้(มาตรา 326) แต่ก็มีหลักกฎหมายที่ระบุว่า ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท(มาตรา 329) หรือ มีข้อยกเว้นเที่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 330 )

#image_title